ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช. คมนาคม ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารถไฟฟ้าทั้ง 5 เส้นทาง ประกอบด้วย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มาหารือโดยให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดกระบวนการเปิดประมูลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปี 50 เนื่องจากต้องการให้เม็ดเงินจากการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เมกะโปรเจกต์) มีผลกระตุ้นอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้ติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการ โดยสายสีแดง 1 บางซื่อ-รังสิต คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ ขณะที่สายสีแดง 2 บางซื่อ-ตลิ่งชัน ได้ประมาณเดือน ก.ค., สายสีม่วง เดือน พ.ค. และสายสีน้ำเงิน เดือน ก.ค. ส่วนสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ และแบริ่ง-สมุทรปราการ ให้ทบทวนใหม่เนื่องจากทำขั้นตอนยาวไป ส่วนเม็ดเงินที่จะดำเนินการไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีวิธีทั้งออกพันธบัตรและกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (เจบิก)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ต้องทบทวนใหม่เนื่องจากเส้นทางนี้อยู่ในสัมปทานที่ กทม.เป็นผู้ดูแล และต้องดำเนินตาม พ.ร.บ.การเข้าร่วมการงานของรัฐและเอกชน พ.ศ. 2535 จะทำให้มีขั้นตอนดำเนินงานที่ล่าช้า โดยต้องใช้เวลา 6-8 เดือน ที่ประชุมจึงให้ กทม.กับ สนข.ไปหาวิธีดำเนินการที่สามารถเปิดประมูลได้ ภายใน 6 เดือน ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมผู้บริหาร สนข.ได้รายงานถึงความคืบหน้าในการจัดทำประชาพิจารณ์ ซึ่งได้สรุปผลปลายปีที่ผ่านมา โดยมีประชาชนกว่า 96% แสดงความคิดเห็นต้องให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย โดยมีอัตราราคาค่าโดยสารที่ 12-36 บาทตามระยะทาง
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ จะเริ่มจ่ายเงินให้แก่เจ้าของที่ดินและทยอยเข้าเตรียมพื้นที่ได้ทันที ขณะที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ จะเริ่มศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินได้ภายใน 2-3 เดือน โดย รฟม. ยืนยันว่า โครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายทางที่อยู่ในความรับผิดชอบจะสามารถเริ่มประกวดราคาหาผู้ก่อสร้างได้ในเดือน พ.ค.นี้
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ