วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550
บลจ.ไอเอ็นจีรับประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ยาก พิษวางระเบิดกรุงเทพฯ ปรับลดเป้าจีดีพีลงเหลือ 4.5% จากเดิมมองโตได้ถึง 5% ชี้ส่งออกยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก มองตลาดหุ้นไทยสดใสได้ยาก เจอปัจจัยเสี่ยงทั้งในและนอกบ้าน
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และขณะนี้ก็ประเมินได้ยากว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม บลจ.ไอเอ็นจีได้ปรับลดประมาณเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4-5 ลดลงเหลือร้อยละ 4-4.5
ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยจะต้องพึ่งพาภาคการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนด้านการลงทุนนั้น เห็นได้ชัดเจนถึงแนวโน้มที่ลดลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่การลงทุนของภาครัฐก็แทบไม่มีเลย และการท่องเที่ยวคงจะได้รับผลกระทบจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในขณะนี้เช่นกัน
"ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะได้รับผลกระทบหนัก ทั้งจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท และเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ดังนั้น โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาสดใส และการคาดหวังว่าจะมีหลักทรัพย์ใหม่ๆ เข้ามาจดทะเบียนเพิ่มเติมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นกัน เพราะในภาวะที่ตลาดไม่เอื้ออำนวยก็คงไม่มีใครต้องการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียน" นายมาริษ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวว่า ไอเอ็นจีได้ปรับทิศทางการลงทุนโดยเน้นหุ้นที่จ่ายปันผลและถือระยะยาวถึงร้อยละ 80 จากพอร์ตลงทุนหุ้น เพราะการเล็งทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงมาก อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือนักลงทุนต่างประเทศมีความไม่แน่ใจในภาวะเศรษฐกิจของไทย ขณะที่ประชาชนในประเทศเริ่มมีความรู้สึกไม่มั่นใจและจับจ่ายน้อยลง หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้จะกระทบต่อภาคการผลิต และการจ้างงานต่อไป
สำหรับการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยปีที่ผ่านมานั้น นักลงทุนต่างชาติลงทุนในหุ้นประมาณ 130,000 ล้านบาท และเทขายไปแล้วในช่วงที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท และเกิดเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเทพฯ ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยมีการนำเงินออกนอกประเทศไปประมาณ 12,000 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินที่เหลือยังไม่ทราบว่านักลงทุนต่างประเทศจะมีการเทขายต่อเนื่องอีกหรือไม่
จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก