วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550
กระทรวงพลังงานเตรียมระดมความเห็นแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาวจากปประชาชนปลายเดือนมกราคมนี้ ระบุราชบุรีโฮลดิ้งมีโอกาสได้รับการคัดเลือกไอพีพีสูง
ด้าน กฟผ.เล็งสร้างโรงไฟฟ้าอย่างน้อย 5 แห่ง กำลังการผลิตอย่างต่ำ 3,500 เมกะวัตต์ พร้อมแยกบัญชีระบบสายส่งออกจากระบบผลิตไฟฟ้าเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบต้นทุนได้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ปลายเดือนมกราคมนี้ จะเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนเรื่องการจัดทำแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) จากทุกภาคเป็นครั้งแรก เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ของไทย ทั้งการกำหนดสัดส่วนการผลิตของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการประกวดราคารับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ที่คาดว่าจะประกาศรับซื้อได้ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าโรงไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งสามารถขายกำลังผลิตได้อย่างน้อย 700-800 เมกะวัตต์
ด้านนายอภิชาต ดิลกโสภณ รองผู้ว่าการบริการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ได้แจ้งต่อกระทรวงพลังงาน ว่ามีพื้นที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่หลายแห่งที่มีสาธารณูปการรองรับอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่าต้นทุนค่าไฟฟ้าจะต่ำกว่าไอพีพี เช่น พื้นที่โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าน้ำพอง โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าสงขลา โรงไฟฟ้าบางปะกง โดยแต่ละแห่งสามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ไม่น้อยกว่า 700 เมกะวัตต์ หรือรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,500 เมกะวัตต์
ขณะเดียวกันหากกระทรวงพลังงานมีนโยบายให้ กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กฟผ.ก็ได้เตรียมพื้นที่จะก่อสร้างไว้แล้ว แต่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการยอมรับของประชาชนด้วย รวมทั้งขณะนี้ กฟผ.ได้จัดการแยกบัญชีธุรกิจระบบส่งไฟฟ้า และธุรกิจผลิตไฟฟ้าออกจากกันเรียบร้อยแล้วเพื่อทำให้ทราบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริงและสามารถตรวจสอบได้ หลังจากมีการจัดประมูลไอพีพีและให้เข้ามาใช้ระบบสายส่งจะต้องลงบัญชีให้ชัดเจนและทำให้ทุกอย่างมีความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับกระทรวงพลังงานมีนโยบายชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการแยกธุรกิจสายส่ง และศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าออกมาจาก กฟผ. เพียงแต่ให้มีการแยกระบบบัญชีเท่านั้น
จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก