พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์แก่ผู้บริหารหอการค้าต่างประเทศที่ลงทุนในไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรียืนยันกับนักลงทุนต่างชาติว่า ขอให้ความสบายใจต่ออนาคตของการปฏิรูปการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของไทย และขอให้เชื่อมั่นว่าการกระทำของรัฐบาลมีจุดประสงค์ที่จะช่วยประเทศไทยให้มีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการผลิต มีความเที่ยงธรรมและเป็นสังคมที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของประเทศในระยะยาว
พร้อมกันนี้ จะทำให้ปี 2550 เป็นปีแห่งการปฏิรูป ที่มีการนำเอาระบบเศรษฐกิจมาอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอเพียง โดยจะให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคง ความมีวินัยของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้มีความเป็นธรรม เนื่องจากมีการแข่งขันในโลกโลกานุวัตน์ การเติบโตอย่างมีคุณภาพ หมายถึงการให้ความห่วงใยต่อหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยง แต่จะไม่ส่งผลต่อกลไกตลาด หรือมีอิทธิพลต่อการเปิดของเศรษฐกิจไทย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ประเทศไทยจะสานต่อการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดโลกที่หลบเลี่ยงไม่ได้ แม้จะมีการสร้างภูมิคุ้มกันภายในประเทศ แต่ประเทศไทยยังคงอ้าแขนรับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ที่ 4-5% แม้จะมีความกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาท และนโยบายการเงินจะถูกนำมาปรับใช้เพื่อช่วยรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ
พล.อ.สุรยุทธ์ยังกล่าวถึงการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจคนต่างด้าวโดยยืนยันว่า จะไม่ส่งผลต่อบริษัทต่างชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจทั้งด้านการ ผลิต, การส่งออก และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม จากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และรัฐบาลได้หาทางออกให้นักลงทุนที่ตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอน เนื่องจากถูกร้องเรียนว่ามีการละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้ มาตรการต่างๆที่ออกมาถือเป็นการสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียม มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับศักยภาพที่ถูกละเลย ชี้ช่องโหว่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอุปสรรคต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังหาช่องทางอัดฉีดมาตรการเสรีอื่นๆ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวหลังเอกชนต้องปฏิบัติตามมาตรการสำรองเงินทุนนำเข้า นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีการปรับสนามการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ถูกบิดเบือนในอดีต เช่น การสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อให้เกิดความมั่นใจถึงการดำเนินการที่เหมาะสมจากผู้กำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นอิสระ การค้าส่งและการค้าปลีกก็จะมีการตรวจสอบเพื่อความสมดุล
ขอยืนยันว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ต่างด้าว ไม่ได้ ทำให้เศรษฐกิจไทยลดความเสรีลง แต่เป็นการปรับปรุงในแง่เทคนิคและข้อกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยและบริษัทไทยยินดีต้อนรับหุ้นส่วนต่างประเทศ โดยจะมีการนำข้อจำกัดภายใต้ร่าง พ.ร.บ.นี้มาพิจารณาปีต่อปี
ด้านนายปีเตอร์ จอห์น แวน ฮาเรน ประธานหอการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ได้ฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจงแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจขึ้นและมีความเข้าใจมากขึ้น ได้รู้จักรัฐบาลมากขึ้นว่าคิดอย่างไร ทำให้มุมมองต่อประเทศไทยดีขึ้น อย่างไร ก็ตาม ยังมีเรื่องที่ติดใจบางเรื่อง หลังจากนี้จะทำสรุปข้อเสนอต่างๆ เพื่อยื่นให้รัฐบาลพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ