ปีที่ 58 ฉบับที่ 17909 วันศุกร์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้จัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2550-2564 (พีดีพี 2007) ครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี ข้างหน้า เพื่อเตรียมระดมความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนกำหนดเป็นแผนพีดีพีที่ชัดเจน ซึ่งแผนดังกล่าวจะมีการทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ โดยกรณีศึกษาที่ สนพ.ระบุว่า 1. ในการกำหนดระยะเวลารับซื้อไฟจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (เอสพีพี) ปี 2555-2563 จะมีกำลังการผลิต 1,700 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงแรกเข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปี 2557 ขั้นต่ำ 2,100 เมกะวัตต์ ปี 2558 อีก 2,800 เมกะวัตต์ และระหว่างปี 2559-2564 อีก 16,800 เมกะวัตต์
สำหรับกรณีศึกษาที่ 2 จะต่อเนื่องจากกรณีที่ 1 โดยในช่วงปี 2554-2564 ภาครัฐตั้งเป้าว่าจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้งจากการซื้อไฟต่างประเทศ และเอสพีพี ก็จะมีการพิจารณาจำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสถานที่ก่อสร้าง โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเข้าระบบในปี 2557 จะมีจำนวนประมาณ 700 เมกะวัตต์ ปี 2558 จำนวน 1,400 เมกะวัตต์ และในปี 2559 อีก 700 เมกะวัตต์
และกรณีศึกษาที่ 3 จะมีการพิจารณานำโรงไฟฟ้าพลังงานิวเคลียร์มาเป็นตัวเลือกในแผนที่ 3 โดยกรณีศึกษานี้จะเลือกให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เข้ามาในระบบในช่วงปี 2563 ขนาดกำลังผลิต 2,000 เมกะวัตต์ และปี 2564 อีก 3,000 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตทั้งสิ้น 5,000 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจะเริ่มเข้ามาปี 2557 ในขนาดกำลังผลิต 2,100 เมกะวัตต์ ปี 2558 ขนาด 2,800 เมกะวัตต์ และตั้งแต่ปี 2559-2564 รวมอีก 12,600 เมกะวัตต์.
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ