วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
รัฐบาลอัดมาตรการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจแท้จริง เดินหน้าขจัดอุปสรรคการค้าการลงทุน ย้ำเดินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงพาชาติมั่นคง
สวนทางทักษิโณมิกที่ใช้เงินเกินตัว ไร้ประสิทธิภาพ จนมีหนี้หมกเม็ดจำนวนมาก เผยหนี้นอกงบประมาณปูดกว่า 1.5 แสนล้านบาท ชี้ปล่อยไว้อีก 3 ปีไทยตกหลุมวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ทิศทางการลงทุนปี 2550 และการปรับตัวรับมือค่าเงินบาทผันผวน" ว่า การดูแลเศรษฐกิจในปีนี้ภาครัฐจะให้ความสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง เพื่อให้เกิดการจ้างงาน การผลิตและการซื้อขายสินค้า โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพยายามขจัดอุปสรรคด้านต่างๆ ทั้งด้านกฎหมายและค่าเงินบาทให้ภาคเอกชน เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจต้องพึ่งพาเอกชนเป็นหลัก หากเกิดปัญหาเศรษฐกิจก็ไม่ขับเคลื่อน
ส่วนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไม่ได้เป็นการปิดกั้นการลงทุนหรือทำให้เศรษฐกิจถดถอย แต่จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขับเคลื่อนต่อไปโดยไม่สะดุดล้มลงอีก หากปล่อยให้เดินตามนโยบายทักษิโณมิกต่อไป เชื่อว่าอีกไม่เกิน 3 ปี ประเทศไทยต้องเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง เพราะการดำเนินนโยบายที่ผ่านมาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย โดยการลงทุนในหลายโครงการไม่เกิดประโยชน์และขาดทุน จนเกิดเป็นหนี้หมกเม็ดจำนวนมาก ซึ่งเฉพาะหนี้ที่อยู่นอกงบประมาณเป็นเงินกว่า 1.5 แสนล้านบาท
"ตั้งแต่เข้ามารัฐบาลนี้ตามแก้ไปแล้วหลายโครงการ แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังแก้ไม่ตก เพราะไปทำเรื่องผูกพันเอาไว้กับต่างชาติ อย่างหนี้แบงก์รัฐก็มาจากนโยบายทักษิโณมิก โชคดีที่รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ทัน ไม่เช่นนั้นปล่อยไว้ เราล้มเหมือนอาร์เจนตินาแน่ ซึ่งเทียบไม่ได้กับหลักเศรษกิจพอเพียง แล้วยังมีหน้าเอาของไม่ดีไปบอกต่างชาติว่าดี ไหนบอกว่ารักชาติ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าไม่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจ และยืนยันว่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาที่ใช้ได้จริงและเกิดผลแต่นโยบายทักษิโณมิกเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ไม่มีความหมาย
จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก