พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบนโยบายและแผนการดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนทางราง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยกำหนดกรอบแผนการดำเนินงานโครงการดังนี้ รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ประกวดราคาเดือน เม.ย.2550 เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค.2550 แล้วเสร็จเดือน ต.ค.2553 รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ประกวดราคาเดือน พ.ค. 2550 เริ่มก่อสร้าง ธ.ค.2550 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย.2554
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-บางแค) ประกวดราคาเดือน ก.ย.2550 เริ่มก่อสร้างเดือน เม.ย.2551 แล้วเสร็จเดือน พ.ย.2555 รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ประกวดราคาเดือน ต.ค.2550 เริ่มก่อสร้างเดือน เม.ย.2551 แล้วเสร็จเดือน มี.ค.2555 รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่, แบริ่ง-สมุทรปราการ) ประกวดราคาเดือน ธ.ค.2550 เริ่มก่อสร้างเดือน เม.ย.2551 แล้วเสร็จ มี.ค.2554 รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก) ประกวดราคาเดือน ธ.ค.2550 เริ่มก่อสร้างเดือน มิ.ย.2551 แล้วเสร็จเดือน พ.ย.2555 รวมระยะทางการก่อสร้างทั้งหมด 137 กม.และเมื่อรวมกับระบบขนส่งมวลชนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีระยะทางรวมกัน 222 กม.
ส่วนแหล่งเงินลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลังว่าจะใช้เงินกู้หรือการออกพันธบัตร โดยในเบื้องต้นจะใช้เงินกู้จากธนาคารเจบิกของประเทศญี่ปุ่นสำหรับการดำเนินงานด้านโยธา ส่วนของการเดินรถนั้นรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย การให้เอกชนเข้าร่วมงาน พ.ศ. 2535 ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณจำนวน 160,000 ล้านบาท
พล.ร.อ.ธีระกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมยังรายงานให้ ครม.รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและความต้องการของประชาชนต่อการดำเนินโครงการโดยสำรวจประชาชนที่มีส่วนได้เสียและกลุ่มทั่วไป 14,975 คน พบว่า 96% เห็นด้วยกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า, ประชาชน 80% เห็นว่าควรเริ่มก่อสร้างในปี 2550 และ 2551 และ 48% ต้องการใช้บริการรถไฟฟ้า 5 สายแน่นอน
ด้านนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางดังกล่าว จะต้องก่อสร้างศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน (บางซื่อ) และศูนย์คมนาคมมักกะสัน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเดินทางจากปริมณฑล และชานเมือง มาเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน รวม 137 กม. เมื่อรวมกับโครงข่ายเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้วันละ 2.5 ล้านคน จากปัจจุบันรองรับผู้โดยสารได้ 700,000 คน
สำหรับการคิดอัตราค่าโดยสารขณะนี้อยู่ ระหว่างการพิจารณารายละเอียด รวมถึงการพิจารณาถึงการใช้ตั๋วร่วมกันด้วย โดยคาดว่าภายใน 2 เดือนข้างหน้าจะได้ข้อสรุปทั้งเรื่องของอัตราค่าโดยสารและรายละเอียดเงื่อนไข (ทีโออาร์) การเปิดประมูลทั้งหมด หลังจากนั้นทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเสนอต่อที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป
การนำเสนอต่อ ครม.ครั้งต่อไป จะเสนอ ครม.พิจารณาแต่ละเส้นทาง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการก่อสร้าง ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศต่อไป ก็ต้องเดินหน้าก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะได้กำหนดแผนการดำเนินการไว้อย่างชัดเจนและสาธารณชนรับทราบแล้ว
ขณะที่นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ขณะนี้มีเอกชนจากต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน ญี่ปุ่น แคนาดา ได้แสดงความสนใจสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการดังกล่าว พร้อมกับเสนอขายขบวนรถไฟฟ้าด้วย
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ