จากกรณีที่สถาบันการศึกษาได้ร้องเรียนว่า เด็กนักเรียนจำนวนมากไม่ได้รับเงินกู้ต่อเนื่องจากมติสั่งยุบกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) รวมกับสำนักงานกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ทำให้มีปัญหาในการศึกษาต่อ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กยศ.ว่า ในการประชุมคณะกรรมการ กยศ. ที่มีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กยศ. ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะพิจารณาเรื่องนี้ภายหลังจากการรวมกองทุน กรอ.ยุบรวมกับ กยศ.แล้ว จะมีแนวทางใด การแก้ไขปัญหานักเรียนและนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจาก กรอ.ที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบัน กว่า 300,000 คน สามารถเรียนต่อจนสำเร็จการศึกษาโดยไม่มีผลกระทบกับการเรียน
ทั้งนี้ ในหลักการแล้ว กยศ.ไม่ต้องการให้เด็กนักเรียนนักศึกษาทั้ง 300,000 คน กลายเป็นภาระต่อสังคม แต่เมื่อรัฐบาลมีมติให้ยุบ กรอ.แล้วมารวมกับ กยศ. ย่อมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน เพราะการยุบ กรอ.โดยไม่มีมาตรการรองรับ จะเท่ากับเป็นการปล่อยเด็กนักเรียนและนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบันต้อง หยุดเรียนไปกลางคัน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน สำหรับประเด็นนี้ นายเปรมประชา ศุภสมุทร ผู้จัดการ กยศ.จะเสนอ 2 ทางเลือกให้แก่คณะกรรมการ กยศ. พิจารณาคือ 1. อนุมัติให้นักเรียนและนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจาก กรอ.ในปัจจุบันสามารถกู้เรียนต่อจนจบการศึกษาได้ โดยจะใช้งบประมาณปีละ 4,200 ล้านบาท แต่กระทรวงการคลังจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
และ 2. ปรับเกณฑ์การพิจารณาปล่อยเงินกู้จาก กรอ.มาเข้าสู่ระบบ กยศ.แต่มีเงื่อนไขว่ารายได้ของครอบครัวจะต้องมีไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งจะทำให้ นักเรียนและนักศึกษา 100,000 คน จากจำนวน 300,00 คน ต้องหยุดการเรียน เพราะรายได้ของครอบครัวนักเรียนและนักศึกษาเหล่านี้มีรายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาของสังคมตามมา
ส่วนกรณีที่นักเรียนและนักศึกษาปี 1 ที่สมัครเรียนในภาคที่ 2 ของปีการ ศึกษา 2549 โดยกู้ยืมเงินจาก กรอ.นั้น ที่ประชุม กยศ.เมื่อปลายเดือน ม.ค.มีมติออกมาแล้วว่า จะตัดสิทธิการกู้ของนักเรียนเหล่านั้น ถึงแม้จะเริ่มเรียนมาแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย. 2549 ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับนักเรียน และนักศึกษาประมาณ 10,000 คน ที่กำลังเล่าเรียนขาดแหล่งเงินทุนในการศึกษาในทันที แต่มีผู้หวังดีระบุว่า ถ้านักเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชนออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการ กยศ.ปล่อยกู้นักศึกษาปีที่ 1 ในภาคที่ 2 ของปีการศึกษา 2549 ก็อาจทำให้คณะกรรมการยกเลิกมติคณะกรรมการในครั้งที่แล้วได้
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ