นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ครม.ได้เห็นชอบมาตรการด้านภาษีศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความลักลั่นของโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าในปัจจุบัน และเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการผลิตในประเทศ โดยมาตรการลดภาษี เพื่อสนับสนุนการประกอบรถยนต์ โดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถโดยสารเอ็นจีวี) ครอบคลุมเฉพาะยานยนต์ที่ขนส่งบุคคลตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป (รวมคนขับ) ที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไปที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงระบบเดียว การปรับลดอัตราอากรขาเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบซึ่งนำเข้ามาในลักษณะชิ้นส่วนสมบูรณ์ เพื่อประกอบ หรือผลิตเป็นแชสซีส์ที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งตามประเภท 87.06 จาก 10% เหลือ 0%, ปรับลดแชสซีส์ที่มีเครื่องยนต์ติดตั้งจาก 30% ลงเหลือ 0% เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 ธ.ค. 51
นอกจากนี้ ยังปรับลดอัตราอากรขาเข้าถังบรรจุก๊าซธรรมชาติอัด อุปกรณ์ควบคุมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ทั้งชนิดที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซินโดยอัตโนมัติ และเครื่องยนต์ดีเซลโดยอัตโนมัติลงเหลือ 0% สำหรับกรณีที่นำเข้ามาในลักษณะของชิ้นส่วนสมบูรณ์ (CKD) เพื่อใช้ประกอบหรือผลิตเป็นรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในประเทศชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 51 และในวันที่ 1 ม.ค. 52 ปรับอัตราอากรขาเข้าเป็น 10% และยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องยนต์ใหม่ชนิดที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงระบบเดียวที่นำเข้าลักษณะของชิ้นส่วนสมบูรณ์ (CKD) เพื่อนำมาประกอบหรือผลิตเป็นยานยนต์ในประเทศ
ส่วนมาตรการที่ 2 คือการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากร จำนวน 20 ประเภท เช่น ภาษีนำเข้าที่สภากาชาดไทยนำของเข้ามาเพื่อผลิตถุงบรรจุโลหิต หรือชุดถุงบรรจุโลหิตรวมถึงชุดกรองเม็ดโลหิตขาว, ยกเว้นของที่นำเข้ามาผลิตคะตะไล-ติกคอนเวอร์เตอร์, ปรับลดอัตราอากรขาเข้าจาก 1%, 5% ลงเหลือ 0% สำหรับสินแร่ ไข่มุกที่นำมาร้อยเข้าด้วยกัน และเหล็กแผ่นเคลือบพลาสติก ส่วนเอ็นเย็บแผล จาก 20% ลงเหลือ 10% เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะทำให้กระทรวงการคลังสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ