นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ของปีบัญชี 2548 หรือเสียภาษีทางอินเตอร์เน็ต ที่มายื่นแบบแสดงรายการภาษีระหว่างเดือน ม.ค.-มี.ค. 2549 พบว่ามีการกระทำการทุจริตโดยขอคืนภาษีเท็จ
โดยมีการหลอกลวงประชาชนประมาณ 10,000 คน รวมเป็นเงินที่ขอคืนภาษี 43 ล้านบาท ให้มายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคล ทั้งแบบ ภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด.91 กับกรมสรรพากรจนทำให้เกิดความเสียหาย เพราะเป็นการขอคืนภาษีที่ไม่ถูกต้อง จึงมีความผิดทางอาญาฐานร่วมกันฉ้อโกงหรือพยายามฉ้อโกงเงินภาษีอากรของรัฐ มีความผิดตามมาตรา 341 มาตรา 80 และมาตรา 83 ตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีความผิดในการใช้เอกสารเท็จ จำคุก 6 เดือนปรับไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
รูปแบบการโกงภาษีทางอินเตอร์เน็ตในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 โดยมีประชาชนเข้ามาเกี่ยวมากที่สุดถึง 10,000 คน โดยได้ยื่นภาษีแบบ 90 และ 91 ในปี 2549 เป็นเท็จ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรตรวจพบว่าชื่อและที่อยู่ของผู้รับเช็ค ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่เดียวกันหลายฉบับ จึงเกิดข้อสงสัย และได้ประสานงานกับดีเอสไอ เพื่อเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงพบว่ามีประชาชนที่เป็นพนักงานโรงงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และอาชีพลูกจ้างจำนวนมากร่วมกันยื่นภาษีเท็จ เพื่อขอคืนภาษีจากกรมสรรพากร โดยมีหัวหน้าเป็นแกนนำในเรื่องนี้ 10 คน หรือแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม ซึ่งขณะนี้ตามจับกุมหัวหน้ากลุ่มที่กระทำความผิดได้แล้ว 9 คน และมีประชาชนที่ขอคืนภาษีเท็จทยอยนำเงินมาคืนกรมสรรพากรแล้ว และมีส่วนหนึ่งที่กรมสรรพากรได้สั่งอายัดเช็คไว้ได้ทัน 6,700 ราย เป็นเงิน 22 ล้านบาท ส่วนที่ยังขาดอยู่ 21 ล้านบาท กรมสรรพากรและดีเอสไอกำลังติดตามเงินดังกล่าวกลับคืนมา
นายศานิตกล่าวว่า วิธีการโกงเงินคืนภาษีน่าจะเกิดจากความบังเอิญของหัวหน้ากลุ่มที่กรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปในอินเตอร์เน็ตแบบไม่ตั้งใจ แต่เมื่อการคำนวณของคอมพิวเตอร์ระบุว่าได้ภาษีคืน และก็ได้คืนจริงๆด้วย จึงหัวใสขึ้นมาว่าทำแบบนี้ จะได้เงินจากกรมสรรพากร จึงไปรวบรวมพรรคพวก คนรู้จัก หรือไปหลอกสาวโรงงานว่า รัฐมีเงินพิเศษคืนแก่คนโสดหรือช่วยเหลือน้ำท่วม แล้วก็กรอกข้อมูลส่วนตัวที่ผิดๆลงในอินเตอร์เน็ต หลังจากนั้นกรม สรรพากรก็ส่งเช็คถึงที่บ้าน แล้วนำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินกับธนาคาร แล้วไปแบ่งกัน เช่น เงินคืนภาษี 3,000 คน จะถูกหักไว้เป็นค่าตอบแทน 500 บาทเป็นต้น ทั้งๆ ที่คนที่ยื่นแบบทางอินเตอร์เน็ตมีรายได้ ไม่ถึงขั้นที่จะต้องเสียภาษีเงินบุคคลธรรมดา
นายศานิตกล่าวว่า ปัจจุบันคนโสดที่มีรายได้ ไม่ถึง 14,600 บาทต่อเดือนไม่ต้องยื่นแบบภาษี แต่ถ้ามีรายได้ตั้งแต่ 14,600 บาท แต่ไม่เกิน 23,000 บาทต่อเดือนต้องมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเพื่อแสดงรายการภาษีกับกรมสรรพากรแต่ไม่ต้องเสียภาษี เพราะกรมสรรพากรได้ยกเว้นภาษีและหักค่าลดหย่อนต่างๆ ให้มากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในกรณีดังกล่าว ประชาชนทั้ง 10,000 คน มีรายได้ไม่ถึง 14,600 บาท แต่กลับถูกหลอกว่า จะได้รับการคืนภาษีจากรัฐบาล โดยกำหนดให้มีรายได้มากกว่า 23,000 บาทต่อเดือน และมีค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนจำนวนมากถึงขั้นต้องรับการคืนภาษีจากกรมสรรพากร
จากหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ